สงครามโลกครั้งที่ 2 The World War 2(ค.ศ.1939 -1945)
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
สาเหตุการเกิดสงคราม
1. ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศแพ้สงครามเกิดความรู้สึกเสมือนถูกบังคับ
ซึ่งชาวเยอรมันเรียกว่า "สันติภาพมัดมือชก" จึงดำเนินการ ฉีกสัญญา
ละเมิดข้อตกลง
2. ความแตกต่างของลัทธิการเมือง
หลายประเทศฝักใฝ่ประชาธิปไตย ขณะที่อีกหลายประเทศเริ่มศรัทธาลัทธิเผด็จการ
3. วิกฤตทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากผู้แพ้ต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล เกิดปัญหาเงินเฟ้อ ว่างงาน
4. ข้อขัดแย้งเรื่องดินแดน และอาณาเขตใหม่
5. ความไม่สามัคคีของมหาอำนาจ ผู้ชนะ
ต่างฝ่ายต่างรักษาผลประโยชน์ของตน
6. ความล้มเหลวขององค์สันนิบาตชาติ ที่ตั้งขึ้นเพื่อผดุงรักษาสันติภาพของโลก
แต่ไม่ได้มีอำนาจอย่างจริงจัง
7. ญี่ปุ่น ขณะนั้นเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ประเทศเดียวในเอเชีย ต้องการวัตถุดิบจากแหล่งอื่นเพื่อป้อนอุตสาหกรรมโรงงาน
ประกอบกับนิยมลัทธิบูชิโด ประเมินตนเองเหนือกว่าทุกชาติในแถบเอเชีย
ต้องการขยายจักรวรรดิ และเป็นผู้นำของเอเชีย
สถานการณ์สงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อ เยอรมนีบุกโปแลนด์
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 ก่อนที่เยอรมนีจะบุกโปแลนด์
วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1939 กองกำลังเยอรมนีข้ามพรมแดนทางตะวันออกบุกเข้ายึดเชคโกสโลวาเกีย
เยอรมนีบุกโปแลนด์
ต่อมาในวันที่ 22 มีนาคม กองกำลังเยอรมนีบุกยึดเมืองท่าเมเมล ( Mamel
) ของลิทัวเนีย ( Lithuania ) บนชายฝั่งทะเลบอลติก
และในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1939
เยอรมนีเรียกร้องยึดครองโปแลน์และดานซิก ( Danzing )
ดานซิกเป็นแคว้นอิสระจัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงสนธิสัญญาแวร์ซายส์
ปี 1919
ตั้งอยู่บนอ่าวดานซิกทางตอนเหนือของโปแลนด์
จากการเรียกร้องของเยอรมนี เป็นผลให้ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1939
อังกฤษและฝรั่งเศสได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่โปแลนด์หากถูก
เยอรมนีรุกราน
เมื่อมีการรุกรานอธิปไตยของประเทศต่างๆ ในยุโรป
อังกฤษและฝรั่งเศสเห็นความจำเป็นต้องชักชวนรัสเซียเข้าเป็นพวกเพื่อการถ่วงดุลย์อำนาจทางยุโรป
แต่ทางด้านเยอรมนีเกรงว่าจะถูกโจมตีสองด้าน
เพราะเยอรมนีอยู่ระหว่างรัสเซียและฝรั่งเศส
เยอรมนีจึงรีบดำเนินการทางการทูตกับรัสเซียตัดหน้าอังกฤษและฝรั่งเศส
เป็นผลให้ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1939 เยอรมนีและรัสเซีย ร่วมลงนามในข้อตกลงไม่รุกรานกัน ปี 1939 ( The
Nazi - Soviet Pact or The Nonaggression Pact of 1939 ) กำหนดไม่รุกรานกันหรือวางตนเป็นกลาง
ขณะพันธมิตรรุกรานประเทศอื่น
ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน 1939 กองกำลังเยอรมนีข้ามพรมแดนตะวันออก
บุกโจมตีรุกรานดินแดนทางด้านตะวันตกของ
โปแลนด์อย่างรวดเร็วถือเป็นการเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2
กองกำลังเยอรมนีข้ามพรมแดนตะวันออก
การรบในยุโรป
กองกำลังสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายบุกเข้าโจมตีเยอรมนี
เริ่มจากวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1945 เป็นต้นไป และข้ามแม่น้ำไรน์
เข้าสู่เยอรมนีได้ในวันที่ 7 มีนาคม 1945 มุ่งเดินทัพเข้ากรุงเบอร์ลินทางตะวันตก
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้
รัสเซียมีชัยชนะสามารถผลักดันกองกำลังเยอรมนีออกจากยูเครน รูมาเนีย บัลกาเรีย
ฮังการี และโปแลนด์ มุ่งเดินทัพเข้ากรุงเบอร์ลินตะวันออกที่กรุงเบอร์ลิน
ฮิตเลอร์ มั่นใจว่าเยอรมนีต้องพ่ายแพ้เป็นแน่
กองกำลังสัมพันธมิตรกำลังเคลื่อนเข้าสู่กรุงเบอร์ลิน
และเกรงต้องรับโทษขั้นรุนแรงในฐานะอาชญากรสงครามจึง ฆ่าตัวตายในวันที่ 30 เมษายน
ค.ศ. 1945
กองกำลังสัมพันธมิตร ยึดกรุงเบอร์ลินได้ในวันที่
2 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 เป็นผลให้กองกำลังเยอรมนีใน ออสเตรีย เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์
และ อิตาลี ยอมจำนน ฝ่ายมุสโสลินีถูกพรรคพวกจับได้และถูกฆ่าตาย ในวันที่ 7 พฤษภาคม
ค.ศ. 1945
รัฐบาลใหม่ของเยอรมนียอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขต่อผู้บังคับบัญชากองกำลัง
สัมพันธมิตร คือ นายพล ดีไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945
ถือว่าเป็นวันสิ้นสุดการรบในยุโรป
การรบในเอเชีย-แปซิฟิก
การรบในเอเชีย-แปซิฟิก
ต้นปี ค.ศ. 1945
การรบเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อกองกำลังสัมพันธมิตรเคลื่อนเข้าใกล้หมู่เกาะ ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นได้ทำการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวดุดันด้วยหน่วยพลีชีพ ปรากฎเด่นชัดในเดือน
มีนาคม ค.ศ. 1945 เมื่อกองกำลังสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวา
ทหารอเมริกันบาดเจ็บและเสียชีวิตแปดหมื่นคน
สหรัฐฯ ยุติการทำสงครามในภาคพื้นทวีปเอเชีย
โดยการใช้ระเบิดปรมาณูกับญี่ปุ่นเนื่องมาจาก
สงครามในเอเชียและแปซิฟิกยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน นับแต่วัน ที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 - 6
สิงหาคม 1945
อีกทั้งญี่ปุ่นเองยังคงยืนยันอย่างเป็นทางการในวันที่
29 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ว่าจะคงทำสงครามต่อไปจนกว่าจะชนะ และต้องการรักษาชีวิตของทหารอเมริกันซึ่งเป็นกองกำลังหลักต้านทานการรบด้วย
หน่วยพลีชีพของญี่ปุ่นสร้างความเสียหายอย่างมากต่อกองกำลังอเมริกัน
การใช้ระเบิดปรมาณูจะช่วยรักษาชีวิตทหารอเมริกันได้ถึง 250000 คน และคณะนายทหารอเมริกันนำโดยรัฐมนตรีกระทรวงสงคราม คือ เฮนรี เอล.
สตีมสัน ให้การสนับสนุนเห็นสมควรใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อปราบปรามญี่ปุ่นขั้นทำลายล้าง
เด็ดขาดเพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข เช้าวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 8.15
น. ระเบิดปรมาณูลูกแรกถูกทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา บนเกาะฮอนชู
แรงระเบิดสร้างความเสียหายครอบคลุมพื้นที่สี่ตารางไมล์ คนบาดเจ็บและตายกว่า 135000 คน
ในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1945 รัสเซียประกาศสงครามกับญี่ปุ่นและเคลื่อนกองกำลังรัสเซียเข้าแมนจูเรีย
ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น ทำลายขวัญและกำลังใจของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เพื่อบีบบังคับให้ญี่ปุ่นยอมจำนนยุติสงคราม
รัสเซียประกาศสงครามกับญี่ปุ่นและเคลื่อนกองกำลังรัสเซียเข้าแมนจูเรีย
Harry S. Truman ประธานาธิบดี ทรูแมน ( ประธานาธิบดี
รูสเวลท์ เสียชีวิตในวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1945 มีผลให้รองประธานาธิบดี คือ ฮา
ร์รี เอส. ทรูแมน Harry S. Truman เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีลำดับที่
33 ของ สหรัฐอเมริกา )ตัดสินใจสั่งทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองในวันที่ 9 สิงหาคม
ค.ศ. 1945 ที่เมืองนางาซากิ บนเกาะคิวชู
ฮาร์รี เอส. ทรูแมน
สร้างความเสียหายอย่างมากเป็นครั้งที่สองแก่องค์
จักรพรรดิฮิโรฮิโต
เรียกร้องให้คณะรัฐบาลญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อรักษาชาติพันธุ์ ญี่ปุ่น
เป็นผลให้ในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันยุติการรบในเอเชียแปซิฟิก
การลงนามอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945
บนดาดฟ้าเรือรบมิสซูรี ในอ่าวโตเกียว เป็นการเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้สมรภูมิรบสามทวีปสองมหาสมุทร คือ
-
ในทวีปยุโรปและมหาสมุทรแอตแลนติก
เริ่มการรบในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 ยุติในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945
-
ในทวีปแอฟริกาเริ่มการรบในวันที่
9 ธันวาคม ค.ศ. 1940 ยุติในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1943
-
ในทวีปเอเชียและมหาสมุทรแปซิฟิกเริ่มการรบในวันที่
7 ธันวาคม ค.ศ.1941 ยุติในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945
โดยฝ่ายสัมพันธมิตร 57 ชาติเป็นผู้มีชัยชนะ ฝ่ายอักษะ นำโดย เยอรมนี อิตาลี
และญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
การยุติการรบ
ในเอเชียและแปซิกฟิก การรบในเอเชียยุติในวันที่
14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข
ผลของสงคราม ประชากรโลกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก กล่าวคือ
-
ทหารอเมริกันเสียชีวิต
4 แสนนาย
-
ทหารรัสเซียเสียชีวิต
20 ล้านนาย
-
ทหารโปแลนด์เสียชีวิต
5.8 ล้านนาย
-
ทหารเยอรมนีเสียชีวิต
4.5 ล้านนาย
-
ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิต
2 ล้านนาย
-
ทหารในกลุ่มประเทศยุโรปรวมเสียชีวิต
35 ล้านนาย
สหประชาชาติ
สงครามก่อให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจากสงครามประเทศต่างๆ ต้องหันกลับมาพัฒนาประเทศของตนให้กลับสู่สภาพเดิม
และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประเทศต่างๆ
พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม แต่ก็จะหันมาแข่งขันพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี
ในด้านต่างๆ ให้มีความทันสมัยเหนือนานาประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น